วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

เครื่องมือช่างเป็นอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน ที่ควรจะมีไว้ติดบ้าน

เครื่องมือช่าง เป็นวัสดุอุปกรณ์สำหรับช่วยทุ่นเเรงในการทำงานเเละกระทำวัตถุโดย มีเพิ่มกำลังหรือขีดจำกัดประสิทธิภาพของมนุษย์ ทำให้มีความสะดวกเเละช่วยให้การทำงานรวดเร็วมากขึ้น หลังจากนั้นมนุษย์ได้ดัดเเปลงเครื่องมือต่างๆเหล่านี้เป็นเครื่องมือกลทางไฟฟ้าที่มีกำลังมากขึ้นหลายเท่าจากเครื่องมือธรรมดา ตัวอย่างเช่น สว่านไฟฟ้า เครื่องเจียร เครื่องตัด เลื่อยวงเดือน

ในธุรกิจอุตสาหกรรม หรือโรงงานจำพวกวิชาช่างอุตสาหกรรม มีเครื่องมือช่างขนาดเล็กหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันทั้งลักษณะ รูปพรรณสัณฐาน และการใช้งาน สิ่งจำเป็นในการทำงานช่างคือ เครื่องมือนั่นเอง แม้ว่าช่างจะมีความสามารถดีเพียงใด แต่ถ้าเครื่องมือไม่พร้อมที่จะทำงานก็เชื่อว่า กระบวนการการทำงานช่าง การผลิต การซ่อมแซม การบำรุงรักษา หรือการประกอบติดตั้งได้ผลงานดีไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรจะรู้จักการใช้เครื่องมือ การเก็บบำรุงรักษาที่ถูกวิธี โดยเน้นให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน เพราะหากนำไปใช้ผิดประเภท ขาดความพึงระวัง และไม่ทราบถึงคุณสมบัติการใช้งานเฉพาะตัวของเครื่องมือ จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรทราบรูปแบบปฏิบัติที่จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมในการลงมือทำงานหลังจากนั้น

ชนิดของงานช่าง
งานช่าง  หมายความว่า  งานที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง  ซ่อมแซม  บำรุงรักษา  หรือดัดแปลงวัสดุหรือเศษสิ่งของให้เป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทำให้เครื่องใช้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น  และช่วยประหยัดค่าใช้สอยภายในบ้านได้อีกด้วย

เป็นที่เห็นด้วยกันโดยทั่วไปว่าเครื่องมือ เป็นวัตถุสำคัญอย่างหนึ่งในการปฏิบัติงานช่าง  เพราะเครื่องมือเป็นสิ่งที่ ช่วยผ่อนแรงในการทำงาน  และช่วยให้งานสำเร็จตามกำหนดการ งานที่ออกมาดี  สวยงาม  เป็นที่ต้องการของผู้ใช้  โดยเราต้องรู้จักมักจี่การใช้เครื่องมืออย่างถูกทาง  และเหมาะสมกับประเภทของงาน  ดังนั้นในการใช้เครื่องมือจึงถือเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งที่สำคัญในการทำงานช่าง แต่จะกล่าวเฉพาะเครื่องมือที่จำเป็นและใช้เป็นประจำในปัจจุบันนี้ดังนี้

1. สว่านไฟฟ้า ใช้เจาะรูขนาดต่าง ๆ  ต้องใช้พร้อมกันกับดอกสว่าน (ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงาน)
2. ดอกจำปา ใช้ขันหัวสว่าน ในการใส่ดอกสว่านให้แน่นหนา
3. ดอกสว่าน ใช้เจาะรูกลม ๆ  ขนาดต่าง ๆ
4. ไขควงเช็คไฟ ใช้ตรวจวงจรไฟฟ้าจุดต่าง ๆ ว่ามีกระแสไฟฟ้าหรือไม่
5. ไขควงปากแบน  หรือปากตรง ใช้ขันสกรูหัวแบน
6. ไขควงปากแฉก ใช้ขันสกรูหัวสี่แฉก
7. ประแจแหวน ใช้ขันน็อตหกเหลี่ยม
8. ประแจแหวน และประแจปากตาย  ใช้ขันน็อตหัวหกเหลี่ยม และหัวสี่เหลี่ยม
9. คีมตัดสายไฟ ใช้ตัดสายไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ  ตามต้องการ
10. คีมตัดและคีมจับ ใช้ปลายปากจับชิ้นงาน และด้านในใช้ตัดสายไฟ
11. คีมปากจิ้งจก ใช้ตัดและจับชิ้นงานเล็ก ๆ
12. คีมปากนกแก้ว ใช้ตัดลวด และใช้ผูกลวดกับเหล็ก
13. ประแจเลื่อน ใช้จับชิ้นงาน
14. คีมล็อค ใช้จับชิ้นงานต่าง ๆ ที่มีความแข็งแรงมาก
15. กรรไกรตัดเหล็ก ใช้ตัดงานโลหะแผ่น
16. รีเวดร์ ใช้ยึดจับชิ้นงานโลหะ 2 ชิ้น เข้าด้วยกัน
17. ค้อนเหลี่ยมสันขวาง ใช้ตอกตะปูเข็มขัดรัดสายไฟฟ้า
18. ค้อนหงอน ใช้ตอกตะปูงานช่างไม้
19. ค้อนหัวยาง ใช้งานโลหะแผ่น
20. เลื่อยเหล็ก ใช้ตัดโลหะ
21. เลื่อยลันดา ใช้ตัดไม้ขนาดต่าง ๆ
22. คัตเตอร์ ใช้ตัดของต่างๆ และใช้ปอกสายไฟฟ้า
23. เหล็กฉาก ใช้วัดให้ได้มุมฉาก ใช้ในการตัดไม้หรือเหล็ก
24. เกรียง ใช้ขูดสีต่าง ๆ   ออกจากชิ้นงาน
25. ที่วัดระดับน้ำ ใช้ปรับพื้นผิวต่าง ๆ ให้ได้ระดับเดียวกัน
เครื่องมือช่างที่คนเขียนแนะนำมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของเครื่องมือช่างเท่านั้น ยังมีเครื่องมือช่างอีกมากมาย หลายประเภท ซึ่งคนเขียนแนะนำเสนอในเรียงความต่อไป...

การใช้งานเลื่อยองศา

เลื่อยองศา ทำให้งานไม้ในการเสริมแต่งบ้านเรียบร้อยเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และทำให้ถูกต้องมากขึ้น มีลักษณะเป็นจานกลมแบนติดอยู่บนแขน ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านบนของฐานโลหะขนาดเล็ก
เลื่อยองศา(เลื่อยรัศมี) เป็นเครื่องอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน มีด้ามจับด้ามจับติดอยู่บนตัวฐาน ซึ่งด้ามนี้จะมีตัวล็อคติดอยู่บนแผ่นฐานของเลื่อย และที่ฐานนี้มีแนวขอบที่เรียกว่ารั้ว(Fence) ติดตั้งในแนวตั้งอยู่ด้านหลังของฐาน สายไฟถูกร้อยเข้าในกระบอกซึ่งอยู่ด้านหนึ่งของเครื่อง มีขนาดใกล้เคียงกับกระป๋องกาแฟ ขนาดของเครื่องทั้งหมดใกล้เคียงกับตัวคน
                จานเลื่อยมีตัวประกอบหลายส่วน ส่วนแรกคือ แกนหมุน ซึ่งจะเป็นจานที่มีฟันเลื่อยอยู่ที่ขอบ ส่วนของครอบจะสามารถหมุนลงมาที่ฐาน ในขณะเดียวกัน ก็สมารถเลื่อนไปข้างหน้าได้เช่นกัน ส่วนของด้ามที่อยู่บนแท่นตัดสามารถคลายให้หลวมเพื่อนให้หมุนได้ เมื่อกดสวิทช์ จานเลื่อยจะเริ่มหมุน และมีเสียงดัง ให้ใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือใช้ตัดและมีคม

การใช้งาน : ตัดไม้ให้ยาวเท่าที่ต้องการและด้วยมุมที่กำหนด (Miters) ที่ปลายของไม้ รอยตัดนี้จะต้องเรียบ เพื่อให้ต่อเข้ากับบัวได้สนิท ใช้บากร่องขวางเสี้ยนไม้เมื่อใช้ทำเฟอร์นิเจอร์หรือตู้

หลักการทำงาน : เลื่อยองศาคือจานที่มีฟัน  งานเลื่อยส่วนใหญ่ใช้ในการต่อเติมบ้านเป็นการตัดแนวขวางไม้ ซึ่งก็คือการตัดให้ได้ความยาวตามต้องการ โดยให้ปลายเป็นมุมฉาก และดูประณีต เนื่องมาจากไม้เป็นวัสดุที่มีเส้นใย เพราะฉะนั้นการตัดจึงหมายถึงการตัดขวางเส้นใยเหล่านี้ แต่ถ้าเป็นการตัดตามความยาวของเส้นใยจะเรียกว่า “การซอยไม้”(Ripping) ซึ่งเป็นการทำให้ไม้มีหน้าแคบลง เลื่อยองศามีความสามารถตัดไม้ได้เท่านั้น ไม่สามารถซอยไม้ได้ และไม่สามารถใช้ตัดไม้อัดได้

ความแตกต่าง: เลื่อยองศาโดยทั่วไปสามารถตัดไม้ได้ ไม่เกินขนาดความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลางของจานเลื่อย เลื่อยที่พิเศษขึ้นไปกว่านี้ จะมีแขนที่สามารถเลื่อนได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความกว้างของการตัด และยังมีกลไกที่ทำให้สมารถตัดเอียงได้ บางแบบยังมีระบบเลเซอร์เพื่อช่วยวางแนวการตัดด้วย

ข้อคำนึงด้านความปลอดภัย
                ใส่แว่นตานิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันเสียงเมื่อใช้งาน ตัวเรือนที่เป็นรูปจานที่ครอบใบเลื่อยนั้นนเป็นอุปกรณ์ป้องกัน ซึ่งในเลื่อยส่วนใหญ่จะครอบใบเลื่อยไว้จนถึงสุดที่มันต้องสัมผัสกับไม้ แล้วจะหมุนออกไปเมื่อใบเลื่อยเริ่มตัดไม้ จะต้องระวังอย่าไปจับหรือถอดครอบนี้ การใช้เลื่อยโดยไม่ระมัดระวังอาจตัดนิ้วคุณได้ เมื่อคุณติดตั้งหรือเปลี่ยนใบมีด ต้องมั่นใจว่าได้ตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว คุณจะต้องระแวดระวังไม่ให้เลื่อยทำงานโดยบังเอิญ ในระหว่างที่กำลังทำการเปลี่ยนหรือติดตั้งอุปกรณ์

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

การเลือกซื้อ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งที่เราต้องคำนึงอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน เนื่องจากเครื่องล้างอัดฉีดมีด้วย กันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110

Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลาก หลายแรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องจำนวนการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และรูปร่างของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ในการที่

จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว  นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การรับรองสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
อย่างที่พูดในข้างต้น ควรใช้ (Pressure) แรงดันเท่าไรดี ?
จากความชำนาญของการขายเครื่องฉีดน้ำล้างรถมาพอสมควร ผม มักจะสรุปได้ดังนี้ คือลูกค้ามักเลือกเครื่องฉีดน้ำไปใช้งานไม่ตรงกับ ลักษณะการใช้งานจริงๆ เนื่องจากว่า ซื้อเอาเพราะราคาถูก ก็พอ

คิดว่าไม่แตกต่างกัน สำหรับเครื่องมือช่างอื่นๆ ผมว่าพอทำได้  แต่เครื่องฉีดน้ำเป็นข้อยกเว้น มันเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแรงดัน ทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายถ้าหาก  การผลิต และการ QC มาไม่ดี

พอ (ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผู้เขียนไม่มีนโยบายให้ลูกค้าต้องใช้ของมีราคา)

ผู้ใช้งานเครื่องล้างรถ ให้พิจารณาดังนี้ ว่าเราต้องการเอาไปล้างอะไร เช่นถ้าหากเอาไป ล้างมอไซต์ ล้างพื้นบ้าน(พื้นที่ไม่ใหญ่มาก) ให้พิจารณาเครื่องฉีดน้ำประมาณ  100-120 Bar ก็พอแล้ว เอาที่มี

อัตราการใช้น้ำมากหน่อยลองเปรียบเทียบดู แล้วไปดูว่าประเภทมอเตอร์เป็นระบบใด สำหรับเครื่องฉีดน้ำล้างรถที่ให้แรงดันขนาดนี้จะมีมอเตอร์ให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน คือ universal

Motor (มีแปรงถ่าน) และอีกชนิดคือ ชนิด  Induction Motor
     สำหรับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงที่ใช้มอเตอร์ชนิด universal Motor นั้นมีข้อดีคือราคาถูก ข้อเสียคือ จะมีความร้อนสะสมรวดเร็วทำให้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานไม่ได้ ใช้ประมาณ 20-25

นาที ต้องพักประมาณ 10-15 นาที และมีเสียงดังมาก ถ้าหากคุณใช้งานตามบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ราคาอยู่ประมาณ 2,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ

คุณลักษณะครับ
     สำหรับเครื่องฉีดน้ำที่ใช้มอเตอร์ชนิด Induction Motor เป็นมอเตอร์ความเร็วรอบต่ำ  ทำให้ความร้อนสะสมน้อย ทำให้ฉีดต่อเนื่องได้ยาวนาน เสียงเงียบ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านที่เป็นห่วง

เรื่องเสียงของเครื่องฉีดน้ำ แนะนำให้ใช้เครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ประเภทนี้ แต่จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวของมัน ซึ่งแพงขึ้น มาหน่อย อยู่ราวๆ 6,xxx - 2x,xxxx บาท ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ

แหล่งผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และเทคโนโลยี ซึ่งเครื่องล้างอัดฉีดในกลุ่มนี้ มีเทคโนโลยีต่างกันมากมาย สำหรับเครื่องฉีดน้ำล้างรถในกลุ่มนี้
 เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็หน้าจะเลือกเครื่องฉีดน้ำล้างรถได้ตรงกับความตั้งใจแล้วนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ปั๊มน้ำชนิดต่างๆ และแนวทางเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้สมควรกับประเภทงาน

"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการขายกันมานาน และมีพัฒนาการด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของผู้ซื้อ

ปั๊มน้ำ ส่วนมากมีอยู่ 5 หมวด ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการหมุนก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ความจุของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์

เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับครัวเรือนใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าต้องการให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ต้องการดึงน้ำมากๆ ใช้

วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อกันจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้

อย่างเดิม

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ

ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่ดูดมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็เพียงพอ หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่

100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำพร้อมกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ ก็เพราะว่าจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดโดยพร้อมเพรียง แล้วถ้าเป็นลูกค้า

บ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดในเวลาเดียวกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอชี้ช่องทางให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วย

ประหยัดไฟฟ้าได้ด้วย

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหล

ออกมาเร็วเกินไป และกินไฟเพิ่มมากขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานต่อเนื่องไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้

บ่อยไม่ทำงานต่อเนื่อง แบบนี้จะดีในการเลือกใช้

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกกรรมวิธีช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านตรงนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่าง

คือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เนื่องจากเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ทีนี้ก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟ

ได้เยอะเลย...

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

เครื่องมือช่างเป็นวัสดุอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน ที่ต้องมีไว้ติดบ้าน

เครื่องมือช่าง เป็นวัสดุอุปกรณ์สำหรับช่วยทุ่นเเรงในการปฏิบัติงานเเละกระทำวัตถุโดย มีเพิ่มกำลังหรือขีดจำกัดความสามารถเฉพาะของมนุษย์ ทำให้มีความสะดวกเเละช่วยให้การทำ

งานรวดเร็วมากขึ้น ต่อมามนุษย์ได้ดัดเเปลงเครื่องมือต่างๆเหล่านี้เป็นเครื่องมือกลทางไฟฟ้าที่มีกำลังมากขึ้นหลายเท่าจากเครื่องมือธรรมดา ตัวอย่างเช่น สว่านไฟฟ้า เครื่องเจียร

เครื่องตัด เลื่อยวงเดือน

ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือโรงงานประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม มีเครื่องมือช่างขนาดเล็กหลายแบบ ซึ่งแตกต่างกันทั้งประเภท รูปร่าง และการใช้งาน สิ่งจำเป็นในการปฏิบัติงาน

ช่างคือ เครื่องมือนั่นเอง แม้ว่าช่างจะมีฝีมือดีเพียงใด แต่ถ้าเครื่องมือไม่พร้อมที่จะทำงานก็เชื่อว่า ขบวนการการทำงานช่าง การผลิต การซ่อมแซม การบำรุงรักษา หรือการประกอบ

ติดตั้งได้ผลงานดีไม่ได้ ดังนั้นควรจะรู้จักการใช้เครื่องมือ การเก็บบำรุงรักษาที่ถูกวิธี โดยเน้นให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน เพราะหากนำไปใช้ผิดชนิด ขาดความรอบคอบ และไม่

ทราบถึงคุณสมบัติการใช้งานเฉพาะตัวของเครื่องมือ จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรทราบแนวทางปฏิบัติที่จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมในการลง

มือทำงานต่อไป

ชนิดของงานช่าง
งานช่าง  คือ  งานที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง  ซ่อมแซม  บำรุงรักษา  หรือดัดแปลงวัสดุหรือเศษวัตถุให้เป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทำให้เครื่องใช้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น  และช่วย

ประหยัดค่าครองชีพภายในบ้านได้อีกด้วย

เป็นที่ตกลงกันโดยทั่วไปว่าเครื่องมือ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการปฏิบัติงานช่าง  เพราะเครื่องมือเป็นสิ่งที่ ช่วยผ่อนแรงในการทำงาน  และช่วยให้งานสำเร็จตามแผนการ งานที่

ออกมาดี  สวยงาม  เป็นที่อยากได้ของผู้ใช้  โดยเราต้องรู้จักมักคุ้นการใช้เครื่องมืออย่างถูกทาง  และเหมาะสมกับประเภทของงาน  ดังนั้นในการใช้เครื่องมือจึงถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง

ที่สำคัญในการทำงานช่าง แต่จะกล่าวเฉพาะเครื่องมือที่จำเป็นและใช้เป็นประจำในยุคปัจจุบันดังนี้

1. สว่านไฟฟ้า ใช้เจาะรูขนาดต่าง ๆ  ต้องใช้ควบคู่กับดอกสว่าน (ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงาน)
2. ดอกจำปา ใช้ไขหัวสว่าน ในการใส่ดอกสว่านให้กระชับ
3. ดอกสว่าน ใช้เจาะรูกลม ๆ  ขนาดต่าง ๆ
4. ไขควงเช็คไฟ ใช้ตรวจวงจรไฟฟ้าจุดต่าง ๆ ว่ามีกระแสไฟฟ้าหรือไม่
5. ไขควงปากแบน  หรือปากตรง ใช้ขันสกรูหัวแบน
6. ไขควงปากแฉก ใช้ขันสกรูหัวสี่แฉก
7. ประแจแหวน ใช้ขันน็อตหกเหลี่ยม
8. ประแจแหวน และประแจปากตาย  ใช้ขันน็อตหัวหกเหลี่ยม และหัวสี่เหลี่ยม
9. คีมตัดสายไฟ ใช้ตัดสายไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ  ตามต้องการ
10. คีมตัดและคีมจับ ใช้ปลายปากจับชิ้นงาน และด้านในใช้ตัดสายไฟ
11. คีมปากจิ้งจก ใช้ตัดและจับชิ้นงานเล็ก ๆ
12. คีมปากนกแก้ว ใช้ตัดลวด และใช้ผูกลวดกับเหล็ก
13. ประแจเลื่อน ใช้จับชิ้นงาน
14. คีมล็อค ใช้จับชิ้นงานต่าง ๆ ที่มีความเสถียรมาก
15. กรรไกรตัดเหล็ก ใช้ตัดงานโลหะแผ่น
16. รีเวดร์ ใช้ยึดจับชิ้นงานโลหะ 2 ชิ้น เข้าด้วยกัน
17. ค้อนเหลี่ยมสันขวาง ใช้ตอกตะปูเข็มขัดรัดสายไฟฟ้า
18. ค้อนหงอน ใช้ตอกตะปูงานช่างไม้
19. ค้อนหัวยาง ใช้งานโลหะแผ่น
20. เลื่อยเหล็ก ใช้ตัดโลหะ
21. เลื่อยลันดา ใช้ตัดไม้ขนาดต่าง ๆ
22. คัตเตอร์ ใช้ตัดของต่างๆ และใช้ปอกสายไฟฟ้า
23. เหล็กฉาก ใช้วัดให้ได้มุมฉาก ใช้ในการตัดไม้หรือเหล็ก
24. เกรียง ใช้ขูดสีต่าง ๆ   ออกจากชิ้นงาน
25. ที่วัดระดับน้ำ ใช้ปรับพื้นผิวต่าง ๆ ให้ได้ระดับเดียวกัน
เครื่องมือช่างที่คนเขียนแนะนำมา เป็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องมือช่างเท่านั้น ยังมีเครื่องมือช่างอีกเยอะแยะ หลายประเภท ซึ่งคนเขียนแนะนำเสนอในเว็บต่อไป...

แนะนำวิธีซื้อ ปั๊มลม (Air Compressor)

ปั๊มลม หรือ เครื่องปั๊มลม มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Air Compressor" ใช้ในการอัดลมให้มีแรงดันสูงตามที่ เราอยากเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และประยุคใช้ได้หลายด้าน เช่นงานที่เป็นระบบลมในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็ก ตลอดจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่  ระบบนิวเมติกส์ และอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่นบริษัทซ่อมรถ ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องสูบลมลักษณะลูกสูบ  (Piston Air Compressor) เพราะใช้แรงดัน (Pressure) ไม่สูงมาก เป็นต้น ส่วนเครื่องสูบลมที่ใช้ในโรงงานส่วน มากนั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นปั๊มลมขนาดเล็กประเภทสกรู (Screw Air Compressor) ซึ่งจะใช้แรง ลมที่มากกว่า

แนะนำการซื้อปั๊มลมขนาดเล็ก
เราต้องเลือกดูงานที่เราจะใช้ เราต้องการปั้มที่แรงดันมากน้อยแค่ไหน ปริมาณลมที่ต้องการมาก ความต่อเนื่องของงาน และปริมาณการจ่ายลม ลมที่ใช้ต้องสะอาดระดับ ไหน เช่น การใช้ทำงานของช่างไม้ ใช้ปั้มลูกสูบ อาจจะต้องการแรงลมมากพอสมควร อาจจะข้อแตกต่างเรื่องความต่อเนื่องของงาน ทำให้ ขนาดของถังบรรจุลมที่ใหญ่ สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เครื่องก็จะไม่ต้องทำงานหนักคือปั้มทำงานบ่อย การที่ความดัน หรือปริมาณลมลดต่ำลง หรือ จะใช้ปั้มลมกับแอร์บลัช บริเวณการใช้งานมีส่วนสำคัญ เช่น บริเวณชุมชน บ้านพักอาศัย อาจก่อให้เกิดความรำคาญได้ ความแตกต่าง ระหว่าง ปั้มลมสายพาน กับโรตารี่  (Rotary) ปั้มลมสายพานจะเสียงเบากว่าปั้มลม โรตารี่ (Rotary) ถ้าหากต้องการลมที่มีความสะอาด ใช้ปั้มลมแบบ ไดอะเฟรม เพราะลมจะไม่ได้สัมผัสกับ โลหะเลย แต่ให้แรงลมน้อย ใช้กับอุดสาหกรรมเคมี อาจมีอาการลมชะงักบ้าง ส่วนปั้มลมแบบสกรูเราจะพบเห็นตามโรงงาน เป็นจำนวนมาก ให้แรงลมต่อเนื่องและมีความดันตามขนาดของตู้ เป็นต้น

วิธีเลือกเครื่องปั๊มลมใช้เองที่บ้าน
โดยที่เครื่องปั๊มลมที่คนส่วนใหญ่นิยมสูงสุดคือ ปั๊มลมขนาดเล็กแบบลูกสูบ  (PISTON COMPRESSOR) มีหลายยี่ห้อเช่น TRYTON,OKURA, PUMA, SWAN, RAMBO, ROWEL, ANTO
ให้เราเลือกจากการใช้งานของเรา
1. แรงดันลมที่คุณเลือกใช้งาน
2. ปริมาณแรงลมที่ใช้ต่อเนื่อง
3. สถานที่ใช้งาน เนื่องจากปั้มลมแต่ละแบบ จะมีเสียงดังไม่เท่ากัน
4. ลมที่ใช้งานมีความสะอาดขนาดไหน

ปั๊มลมสามารถแบ่ง 6 ตระกูล
1. เครื่องสูบลมหรือ ปั๊มลมขนาดเล็กแบบลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR)
2. เครื่องปั๊มลมหรือ เครื่องสูบลมแบบสกรู (SCREW COMPRESSOR)
3. เครื่องสูบลมหรือ เครื่องสูบลมแบบไดอะเฟรม (DIAPHARGM COMPRESSOR)
4. เปั้มลมหรือ ปั๊มลมขนาดเล็กแบบใบพัดเลื่อน (SLIDING VANE ROTARY COMPRESSOR)
5. ปั้มลมหรือ ปั้มลมแบบใบพัดหมุน (ROOTS COMPRESSOR)
6. เครื่องปั๊มลมหรือ เครื่องปั๊มลมแบบกังหัน (RADIAL AND AXIAL FLOW COMPRESSOR)

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จักปั๊มน้ำพร้อมด้วยจุดดีของปั๊มน้ำกันเถอะ

ปั๊มน้ำ เป็นเครื่องมือช่างหรือวัสดุอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกแบบหนึ่งที่ใช้มาก ในอุตสาหกรรมและ ตามบ้านเรือน โดยเจาะจงตามที่พักอาศัยซึ่งเป็นอาคารชุด ตามอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือในบางพื้นที่ที่ต้องการสูบน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้
ดังนั้นการรู้จักมักจี่ซื้อ รู้จักวิธีใช้และการติดตั้ง “ปั๊มน้ำ” อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้ เกิดการรั่วไหลและเปลืองพลังงานและเป็นการใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำอย่างมี ศักยภาพ และราคาปั๊มน้ำที่ถูกลงมาก

พรรณของปั๊มน้ำ (ตามลักษณะการทำงาน)
ปั๊มแบบใบพัด
ปั๊มน้ำประเภทนี้ภายในเรือนปั๊ม จะมีใบพัด ปฏิบัติหน้าที่สร้างความดัน จากการหมุนที่ความเร็วรอบสูงและแรงดันทำให้ น้ำไหลไปตามท่อที่ต่อไว้ได้ นิยมนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมและตามที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะ การไหลของนาจะต่อเนื่องสม่ำเสมอ

เครื่องปั๊มน้ำแบบลูกสูบ
ปั้มน้ำวิธานี้เรือนปั๊มเป็นกระบอกสูบ ภายในจะมีลูกสูบ ทำหน้าที่สร้างความดันจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ทำให้ความจุของ กระบอกสูบลดลงเกิดเป็นความดันเพื่อขับดันนาให้ไหลไปได้ แต่การไหลของนา จะเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ส่วนใหญ่นำไปใช่ในงาน ที่ต้องการความดันสูง

การทำงานของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่ใช้ข้างในบ้านเป็นชนิดที่มี ใบพัดภายในหัวปั๊มหรือเรือนปั๊ม  ใบพัดเป็นตัวสร้างความดันเพื่อ ขับดันให้น้ำไหลไปได้โดยมีชุดสวิตซ์ความ ดันเป็นวัสดุควบคุมการทำงานของ ปั๊มน้ำ ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ จะต่อโดยตรงกับจุดใช้น้ำ เช่นฝักบัว ก๊อกน้ำ ชักโครก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเราเปิดฝักบัวหรือก๊อกน้ำ น้ำจะ ไหลออกจากท่อหรือระบบทำให้ความดัน ภายในท่อลดลงส่งผลให้เกิดการดัดต่อของ สวิตซ์ความดัน ปั๊มน้ำจึงทำงาน
การเปิดก๊อกน้ำมีผลต่อการทำงาน ของปั๊มน้ำเป็นอย่างมาก ถ้าเราเปิดก๊อก น้ำเพียง ตัว และน้ำไหลไม่แรงมากแล้ว การทำนจะไม่ตัดต่อบ่อยเพราะยังมี ความตันเหลืออยู่ในเส้นท่อมาก แต่ถ้าเรา เปิดก๊อกให้น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่าให้ความดันสูญเสียเร็วขึ้นปั๊มน้ำก็จะ ท่างานบ่อยมากขึ้น ตังนั้นเพื่อเป็นการ ออมน้ำและไฟฟ้าควรเปิดก๊อกน้ำใช้ตามความจำเป็น แต่ในกรณีที่เราจำเป็นจะต้องเปิดใช้น้ำหลายจุด พร้อมกัน เช่น ใช้ฝักบัวอาบน้ำพร้อมกับล้างจานและรดน้ำต้นไม้ จะทำให้ปั๊มน้ำทำงานทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นการใช้น้ำในแต่ละจุดจึงไม่ควร เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เป็นนิสัย

สว่านไฟฟ้า คืออะไร ใช้งาน ยังไง ดูแลรักษาอย่างใด

สว่านไฟฟ้า เป็น อุปกรณ์ช่างที่ไม่ควรขาด
สว่าน คือเครื่องมืองช่างชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับเจาะรูบนวัสดุหลายประเภท เป็นอุปกรณ์ช่างที่ใช้ตลอดในงานไม้และงานโลหะ ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือดอกสว่านที่หมุนได้
ดอกสว่านดึงอยู่กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน และถูกกดลงไปบนอุปกรณ์ที่ต้องการจากนั้นจึงถูกทำให้หมุน ปลายดอกสว่านจะทำงานเป็นตัวตัดเจาะวัสดุ กำจัดเศษวัสดุระหว่างการเจาะ (เช่น ขี้เลื่อย) หรือทำงานเป็นตัวสูบอนุภาคเล็กๆ (เช่นการเจาะน้ำมัน)
สว่านไฟฟ้า มีรูปพรรณสัณฐาน คล้ายปืน มีด้ามจับในรูปร่างเดียวกันกับปืน ส่วนด้านปลายแหลมนั้นจะมีรูปแบบคล้ายไม้ตะเกียบกลมๆ เรียกว่าดอกสว่าน โดยดอกสว่านนั้นจะเป็นแท่งยาวๆ แท่งนั้น จะมีรูปร่างเป็นเกลียว ปลายแหลมคล้ายดินสอ ซึ่งดอกสว่านจะมีหลากหลายสัดส่วน แต่ละขนาดก็เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละอย่าง(ซึ่งผมจะมาแนะนำการใช้งานอีกครั้ง) มีสายไฟสำหรับรับกระแสไฟฟ้าในการใช้งาน  ส่วนตัวจับนั้น จะมีหน้าตาเป็นปุ่มคล้ายปืนฉีดน้ำ เอาไว้บังคับหรือกดให้อุปกรณ์ช่างไม้ทำงานได้นั่นเอง

สว่านไฟฟ้า และข้อพึงระวังในการใช้งาน
การใช้งานสว่านไฟฟ้านั้น ก่อนการใช้งานควรจะสำรวจให้แน่ใจว่าสว่านไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เวลาจะใช้งานควรจะต้องเตรียมเครื่องมืองช่างป้องกันให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาป้องกัน และชุดป้องกันอันตราย เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อย ควรทำความสะอาด และมีการตรวจตราสว่านไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แล้วเก็บรักษาไว้ในกล่องอุปกรณ์เครื่องมือช่างไว้ให้มิดชิด

ข้อบกพร่องที่มักจะพบบ่อยๆของสว่านไฟฟ้า
โดยมากสว่านไฟฟ้ายี่ห้อดีๆหน่อยมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ข้อเสียที่พบส่วนมากมักเป็นยี่ห้อเกรดรองๆลงมา อุปสรรคที่พบมักจะเป็นเรื่อง มอเตอร์ไหม้ เพราะใช้งานไม่ถูกประเภท ทุ่นสึก หรือ ปัญหาแปรงถ่านหมด ถ้าเป็นยี่ห้อ มาตรฐานการหาร้านซ่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เทคนิคการใช้สว่าน    
- ก่อนที่จะเจาะทุกครั้งควรใช้เหล็กตอกนำศูนย์ตรงจุดที่ต้องการเจาะ เพื่อให้ดอกสว่านลงถูกตำแหน่ง
- ควรจับเครื่องเจาะให้กระชับและตรงจุดที่เจาะ  
- การเจาะต้องออกแรงกดให้สัมพันธ์กับการหมุน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
- ในการเจาะชิ้นงานให้ทะลุทุกชนิดจะต้องมีวัสดุรองรับชิ้นงานเสมอ
- ควรเลือกใช้ดอกสว่านให้เข้าทีกับขนาดของชิ้นงาน      
- ไม่ควรใช้ดอกสว่านผิดแบบ เช่น ดอกสว่านเจาะคอนกรีตไม่ควรนำไปเจาะเหล็ก เป็นต้น

การจัดเก็บและบำรุงรักษา  
-  ตรวจสอบซ่อมสว่านให้มีสภาพการใช้งานได้อย่างมีศักยภาพ
- ชำระล้างหลังการใช้งานทุกครั้ง    
- ถ้าจะนำไปเก็บให้ชโลมนำมันเครื่องใสเป็นประจำ

การเลือกซื้อ เครื่องฉีดน้ำล้างรถ

เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งที่เราต้องทบทวนอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน เพราะว่าเครื่องล้างอัดฉีดมีด้วย กันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110 Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลาก หลายแรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องปริมาณการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และประเภทของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ในการที่จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว  นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การประกันสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
อย่างที่กล่าวในข้างต้น ควรใช้ (Pressure) แรงดันเท่าไรดี ?
จากความช่ำชองของการขายเครื่องฉีดน้ำล้างรถมาพอสมควร ผม มักจะสรุปได้ดังนี้ คือลูกค้ามักใช้งานเครื่องฉีดน้ำไปใช้งานไม่ตรงกับ ลักษณะการใช้งานจริงๆ เพราะ ซื้อเอาเพราะราคาถูก ก็พอ คิดว่าไม่แตกต่างกัน สำหรับเครื่องมือช่างอื่นๆ ผมว่าพอทำได้  แต่เครื่องล้างรถเป็นข้อยกเว้น มันเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแรงดัน ทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายถ้าหาก  การผลิต และการ QC มาไม่ดีพอ (ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า คนเขียนไม่มีนโยบายให้ลูกค้าต้องใช้ของมีราคา)

ผู้ใช้งานเครื่องล้างอัดฉีด ให้พิจารณาดังนี้ ว่าเราต้องการเอาไปชำระล้างอะไร เช่นถ้าหากเอาไป ล้างรถ ล้างพื้นบ้าน(พื้นที่ไม่ใหญ่มาก) ให้พิจารณาเครื่องล้างอัดฉีดประมาณ  100-120 Bar ก็พอแล้ว เอาที่มีอัตราการใช้น้ำมากหน่อยลองเปรียบเทียบดู แล้วไปดูว่าลักษณะมอเตอร์เป็นระบบใด สำหรับเครื่องล้าง รถที่ให้แรงดันขนาดนี้จะมีมอเตอร์ให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน คือ universal Motor (มีแปรงถ่าน) และอีกชนิดคือ ชนิด  Induction Motor
     สำหรับเครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ชนิด universal Motor นั้นมีข้อดีคือราคาถูก ข้อบกพร่องคือ จะมีความร้อนสะสมรวดเร็วทำให้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานไม่ได้ ใช้ประมาณ 20-25 นาที ต้องพักโดยประมาณ 10-15 นาที และมีเสียงดังมาก ถ้าหากคุณใช้งานตามบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ราคาอยู่ประมาณ 2,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ คุณลักษณะครับ
     สำหรับเครื่องฉีดน้ำที่ใช้มอเตอร์ชนิด Induction Motor เป็นมอเตอร์ความเร็วรอบต่ำ  ทำให้ความร้อนสะสมน้อย ทำให้ฉีดต่อเนื่องได้ยาวนาน เสียงเงียบ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านที่เป็นห่วงเรื่องเสียงของเครื่องฉีดน้ำ แนะนำให้ใช้เครื่องฉีดน้ำที่ใช้มอเตอร์ประเภทนี้ แต่จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวของมัน ซึ่งแพงขึ้น มาหน่อย อยู่ราวๆ 6,xxx - 2x,xxxx บาท ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ แหล่งผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และเทคโนโลยี ซึ่งเครื่องฉีดน้ำในกลุ่มนี้ มีเทคโนโลยีต่างกันมากมาย สำหรับเครื่องล้างรถในกลุ่มนี้
 เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็หน้าจะเลือกเครื่องฉีดน้ำได้ตรงกับความประสงค์แล้วนะครับ

การเลือกสรรซื้อปั๊มลมและลักษณะปั๊มลม

ปั๊มลมสามารถแบ่งแยกเป็น 6 ประเภท
1. ปั๊มลมแบบลูกสูบ (PISTON COMPRESSOR)
เป็นเครื่องอัดลมหรือปั๊มลมที่นิยมใช้ถือว่าเป็นปั๊มลมที่ใช้กันมากที่สุดเนื่องจากศักยภาพอัดลม คือสร้างความดันหรือแรงดันได้ตั้งแต่ 1บาร์ (bar)ไล่ระดับไปจนถึงเป็นพันบาร์(bar) ทำให้ปั๊มลมแบบลูกสูบทำได้ตั้งแต่ความดันต่ำ ความดันปานกลาง จนไปถึงความดันสูง มีแบบใช้สายพาน จะให้เสียงเงียบกว่าแบบ โรตารี่ ที่มีมอเตอร์ในตัว จุดดีของโรตารี่คือได้ลมใช้งานที่รวดเร็วกว่าแบบสายพาน
2.ปั้มลมแบบสกรู (SCREW COMPRESSOR)
เป็นที่นิยมในโรงงาน ตัวเครื่องมีการผลิตที่มีคุณภาพสูงในการผลิตโรเตอร์ ตัวเครื่องจะ ไม่มีลิ้นในการเปิดปิด แต่ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดีออกจากปั้มมีทั้งระบบระบายความร้อนด้วยอากาศหรือใช้น้ำระบายความร้อนหากเป็นเครื่องขนาดใหญ่ ปั้มลมจะสามารถจ่ายลม 170 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) อีกทั้งสร้างความดันได้ถึง 10 บาร์
3. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบไดอะเฟรม (DIAPHARGM COMPRESSOR)
เป็นปั๊มลมที่ใช้ตัวไดอะแฟรมทำให้การทำหน้าที่ของลูกสูบและหัวดูดอากาศแบ่งออกจากกัน ดังนั้นลมที่ถูกดูดเขาในปั๊ม หรืออัดอากาศ จะไม่ได้มีการโดนหรือสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ และลมที่ได้จะไม่มีการผสมน้ำมันหล่อลื่นแต่จะไม่สามารถสร้างแรงดันได้สูง ข้อดีคือลมที่ได้จากปั๊มประเภทนี้จึงมีความเสถียรมากและมักใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี และอาจะใช้ในการอุสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำเนื่องจากเสียงที่เบากว่าแบบลูกสูบ
4. เครื่องอัดลมหรือ ปั้มลมแบบใบพัดเลื่อน (SLIDING VANE ROTARY COMPRESSOR)
ราคาปั๊มลมชนิดนี้ข้อดีคือเสี่ยงจะไม่ดังการทำงานของการหมุนจะเรียบมีความต่อเนื่องการอัดอากาศคงที่ ไม่มีลิ้นหรือวาวล์ในการเปิดปิดในพื้นที่จำกัดทำให้ไวต่อความร้อน หากต้องการประสิทธิภาพที่ดีจะต้องผลิตด้วยความประณีต สามารถกระจายลม 4-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) ส่วนความดันทำได้ที่ 4-10 บาร์(Bar)
5. ปั้มลมแบบใบพัดหมุน (ROOTS COMPRESSOR)
เครื่องปั๊มลมนี้จะมีใบพัดหมุน 2 ตัว เมื่อโรเตอร์ 2 ตัวทำการหมุน ภูมิอากาศจะถูกดูดจากฝากหนึ่งไปยังอีกฝากหนึ่ง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด ทำให้อากาศไม่ถูกบีบหรืออัดตัว แต่อากาศจะถูกอัดตัวก็ต่อเมื่ออากาศได้ถูกส่งเข้าไปยังถังเก็บลม ปั้มลมแบบนี้ทุนการผลิตจะแพง ไม่มีลิ้น ไม่ต้องการหล่อลื่นขณะที่ทำงาน แต่ต้องมีการระบายความร้อนที่ดี
6. ปั้มลมแบบกังหัน (RADIAL AND AXIAL FLOW COMPRESSOR)
ขายปั๊มลมปั้มลมแบบนี้จะได้อัตราการจ่ายลมที่มาก ประเภทเป็นใบพัดกังหันดูดเข้ามาจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งด้วยการหมุนความเร็วสูง ลักษณะใบพัดจึงมีส่วนสำคัญเรื่องอัตราการจ่ายลมด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

ปั๊มน้ำชนิดต่างๆ และแนวทางเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้เหมาะกับชนิดงาน

"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมานาน และมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของลูกค้า

ปั๊มน้ำ โดยมากมีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการหมุนก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ความจุของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าต้องการให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ประสงค์ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อกันจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้อย่างเดิม

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เนื่องจากปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่ดูดมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน 
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ภายในบ้านเราต้องดูจากปริมาณผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอ หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะว่าจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดควบกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอแนะนำให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินไป และกินไฟเยอะขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานต่อเนื่องไม่ตัด ฉะนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานต่อเนื่อง แบบนี้จะดีในการเลือกใช้

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกวิธีช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เพราะว่าเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ต่อนี้ไปก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...

ยักยอกคนทั้งจังหวัด บุกจับร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่งจดหมายลวง

ยักยอกคนทั้งจังหวัด บุกจับร้านขายเครื่องมือช่างไฟฟ้า ส่งจดหมายลวง
รองผวจ.ลุยเองนำ จนท.และชาวบ้าน บุกร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่ง จม.ไปหลอกให้มารับรางวัล พอมาที่ร้านก็หว่านล้อมให้จับสลาก แล้วเรียกเก็บภาษี 38% แต่ของที่ได้ไม่ดีไม่สมราคา และไม่ยอมให้คืน บ่งเป็นการหลอกลวงเข้าข่ายหลอกลวง...

เหตุที่มีชาวบ้านนับร้อยรายเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดสุพรรณบุรี (สคบ.) ว่าถูกบริษัท เอ เอ็น ซี. อิเล็กทริก แอนท์คอนสตั๊กชั่น ตั้งอยู่ที่เลขที่ 64/27-28 ริมถนนเณรแก้ว ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมืองสุพรรณบุรี ส่งจดหมายไปที่บ้าน โดยในจดหมายระบุว่า ชาวบ้านได้รับรางวัลเป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้าชนิดต่างๆ ให้เดินทางมารับ พร้อมทั้งได้สิทธิ์จับสลาก เพื่อลุ้นรับเครื่องไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ฟรี มูลค่าเกือบแสนบาท

ทั้งนี้ ทางร้านมีข้อแม้ให้ผู้โชคดีรายนั้นต้องเสียภาษีจำนวน 38 เปอร์เซ็นต์ จากราคาสินค้าที่ตั้งไว้ แต่สินค้าที่ได้กลับเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ สร้างความกลุ้มใจเสียหายให้กับชาวบ้าน จึงพากันมาเข้าร้องทุกข์

ภายหลังเมื่อตอนบ่ายของวันที่ 15 ม.ค. 58 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รอง ผวจ.สุพรรณบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ปกครอง ทหาร กอ.รมน. ตำรวจ พนักงาน สคบ. พาณิชย์ และอุตสาหกรรมจังหวัด กว่า 50 นาย พร้อมผู้เสียหายจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่บริษัทดังกล่าว พบเป็นตึกแถว 2 ชั้น ภายในเป็นห้องกระจก จัดเป็นโชว์รูมจัดจำหน่ายเครื่องมือช่างไฟฟ้า มีสินค้าวางโชว์ไว้เป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่ามีพนักงานในร้านจำนวน 6 คน คอยให้บริการ แต่ไม่มีการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อประกอบธุรกิจแต่ประการใด

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รอง ผวจ.เปิดเผยว่า บริษัทแห่งนี้มีวิธีการดำเนินการคือจะส่งจดหมายไปทุกครัวเรือนทั่ว จ.สุพรรณบุรี ว่าได้รับรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือช่างฟรี เมื่อชาวบ้านเชื่อมาที่ร้านค้า กลับได้รับแค่หม้อนึ่งขนาดเล็กราคาแค่ 100 กว่าบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะมีวิธีการต่างๆ นานา ชักชวน ให้จับสลากชิงรางวัลเครื่องมือช่างไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาแพง ฟรี สว่านไฟฟ้า เลื่อย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ แม้กระทั่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นเการนำมาตั้งโชว์หลอกเท่านั้น มีเพียงเครื่องเสียงยี่ห้อ เอพีเอ็ม. ที่ตั้งราคาโชว์ไว้ที่ 76,900 บาท แต่ราคาจริงเพียงไม่ถึง 3,000 บาท เมื่อผู้ซื้อจับได้รางวัลก็จะต้องเสียภาษีเองจำนวน 38 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็นเงิน 28,000 บาท ซึ่งล่าสุดทราบว่านายรณิศร์ มนต์ไชยะ อายุ 60 ปี ข้าราชการบำนาญ อยู่บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ 2 ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองสุพรรณบุรี ถูกชักชวนจนเสียเงินไปกว่า 30,000 บาท

"กระบวนการก็จะมีการชักชวนจูงใจต่างๆ นานา ให้ชาวบ้านหลงเชื่อ แต่เมื่อนำกลับไปบ้านกลับใช้งานได้ไม่สมราคา เมื่อชาวบ้านมาขอคืนสินค้าก็ได้รับการไม่ยอมคืน ซึ่งจากการตรวจสอบพบสลากที่นำมาให้ลูกค้าจับมีเพียงรางวัลเป็นเครื่องเสียงอย่างเดียว อย่างอื่นไม่มีเลย ถือเป็นการทุจริตชาวบ้าน หลังตรวจสอบได้ให้นำตัวพนักงานของบริษัททั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี สอบสวนเพิ่มเติม ก่อนแจ้งข้อหาฉ้อโกงต่อไป"

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีดูแลรถเบื้องต้นแบบง่ายๆ

รถใครใครก็รักจริงไหมคะ ถึงแม้ว่าทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เราต้องนำรถไปตรวจสภาพก็ตาม แต่บางครั้งมันก็มิวายเกิดปัญหาจุกจิกระหว่างที่เราใช้ ดังนั้นถ้าเรามีวิธีดูแลรักษารถและหมั่นคอยตรวจสอบ บางปัญหาอาจจะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นการถนอมรถที่เรารักให้มีสภาพที่ดีด้วยค่ะ เพื่อความไม่ประมาท เราจึงมีวิธีการดูแลรักษารถเบื้องต้นแบบง่ายๆฉบับคนรักรถมาแนะนำกันค่ะ

     1.การตรวจลมยาง ตรวจง่ายๆด้วยสายตาว่ามันอ่อนหรือเปล่า ดูทุกเส้นนะคะ เพราะถ้าลมยางของแต่ละล้อไม่เท่ากันจะมีผลต่อการทรงตัวของรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และทำให้อายุของยางสั้นลงดังนั้นควรใช้ปั๊มลมเติมยาง และตรวจเซ็คบ่อยๆ

     2.ตรวจดูรอยหยดรั่วของน้ำและน้ำมันต่างๆ ใต้ท้องรถ ถ้าพบว่ารั่วที่ล้อและเป็นน้ำมันเบรก จะต้องงดใช้งาน รีบปรึกษาช่างทันทีค่ะ ถ้าเป็นน้ำระบายความร้อนรั่วหยดให้หาที่มาของการรั่ว ส่วนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเฟืองท้าย ก็ควรรีบปรึกษาช่างเช่นเดียวกันค่ะ เพื่อความปลอดภัยต่อกลไกดังกล่าวของรถยนต์ค่ะ


     3.การดูแลน้ำระบายความร้อน เพียงตรวจโดยการเปิดฝาหม้อน้ำออกถ้าพบว่าน้ำพร่องน้อยลงไปก็ใช้น้ำสะอาดเติมลงไปให้เต็ม ถ้ามีขวดพลาสติกที่เก็บน้ำอยู่และมีท่อเล็กๆ ต่อไปถึงหม้อน้ำ ก็ไม่ต้องเปิดฝาหม้อน้ำค่ะ ให้ดูระดับน้ำที่ขวดเก็บน้ำสำรองแทน เพราะเรื่องนี้ก็ละเลยไม่ได้ค่ะ อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วได้นะคะ


     4.ระดับน้ำมันเครื่อง เพราะถ้าน้ำมันเครื่องพร่องหรือแห้งจะทำให้เกิดการสึกหรอภายในเครื่องยนต์ โดยดึงเหล็กวัดออกมาเช็ดทำความสะอาดแล้วใส่กดลงไปยังตำแหน่งเดิมให้สุด จากนั้นดึงออกมาตรงๆในแนวดิ่ง ระดับน้ำมันจะสังเกตได้จากรอยคราบน้ำมันที่เกาะอยู่ปลายเหล็กวัด ซึ่งระดับน้ำมันจะต้องอยู่ระหว่างกลางขีดที่มีอักษร L(Low) และ F(Full)

     5.การตรวจน้ำเบรกในกระบอกเก็บน้ำมันเบรกที่แม่ปั๊มเบรก ถ้ามีระดับสูงก็ไม่ต้องเติมค่ะ แต่ถ้าพร่องต่ำกว่าขีดที่กำหนดให้เติมจนได้ระดับที่ถูกต้อง เพราะถ้าน้ำมันเบรกนั้นพร่องมากๆทุกวัน จะต้องรีบนำรถไปปรึกษาช่างนะคะ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับเจ้าของรถและผู้ขับขี่บนท้องถนนด้วยค่ะ

     เพียง 5 ข้อที่แนะนำไปเราก็สามารถยืดอายุการใช้งานของรถที่เรารักได้แล้วนะคะ อีกทั้งเป็นวิธีที่ตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เพราะถึงแม้ว่ารถของเราจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง พวกเขาก็ต้องการการดูแลและเอาใจใส่ไม่ต่างกัน